ศัลยกรรมตาสองชั้น คืออะไร
เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ ใครๆ ก็เลยอยากเป็นเจ้าของดวงตาที่สวย ไว้ใช้สำหรับใช้ Eye contact กันทั้งนั้น เพราะดวงตาสามารถสื่อได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดีใจ เสียใจ โกรธ โมโห หรือหงุดหงิดก็สามารถสื่อออกมาได้ผ่านดวงตาทั้งหมด สาวๆ จึงนิยมแต่งตาให้ดูสวยเด่น เพื่อให้สบตาใครก็ทัชใจตั้งแต่ครั้งแรก
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมตาสองชั้น (Blepharoplasty)
คนที่มีตาชั้นเดียวที่พบกันโดยมากมักจะเป็นกลุ่มคนเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม หรือกลุ่มคนที่เป็นลูกครึ่งที่มีการผสมเชื้อชาติเหล่านั้น แบบที่เราเรียกกันว่าสาวหมวย หรือหนุ่มตี๋นั่นเอง โดยปกติผู้ที่มีลักษณะตาชั้นเดียวแบบนี้จะมีเปลือกตาที่หนา และดูปูดออกมาเมื่อหลับตาจึงส่งผลให้ผู้ที่มีตาชั้นเดียวหลายๆ ท่านที่ต้องการทำศัลยกรรมตาสองชั้นจำเป็นจะต้องทำการตัดไขมันเปลือกตา และตกแต่งเปลือกตาร่วมด้วย
คนที่มีลักษณะตาแบบนี้จะเป็นคนที่มีตาสองชั้นอยู่แล้วเพียงแค่มีหนังตามาก เป็นตาสองชั้นที่ไม่สูงและชั้นตาไม่ชัด หรือมีไขมันที่ตามากจึงทำให้ในเวลาลืมตาจะเห็นชั้นตาน้อยหรือเห็นชั้นตาไม่ชัดเพราะไขมันบนเปลือกตาบังจึงทำให้ตาดูเล็ก หางตาดูห้อยและดูเหมือนคนง่วงตลอดเวลา
ผู้ที่มีชั้นตาไม่เท่ากันเกิดได้จาก สองกรณี 1. คือเป็นโดยกำเนิด คือเป็นจากโครงสร้างทางพันธุกรรมหรือ 2. เกิดจากภาวะมีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง กล้ามเนื้อตาทั้งสองข้างยกขึ้นได้ไม่เท่ากัน เมื่อเข้าสู่วัยที่เริ่มอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีส่งที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตา ที่ที่เคยเป็นส่วนทำหน้าที่ในการยึด หรือตรึงเปลือกตาเอาไว้ ได้ผลการเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา หรืออายุนั่นเอง นอกจากนี้อาการตาสองชั้นไม่เท่ากันยังเกิดขึ้นได้ใน ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ที่ต้องจับ และเปิดเปลือกตาอยู่บ่อยๆ รวมทั้งผู้ที่ชอบสัมผัสดวงตา อย่างการขยี้ตาก็ทำให้เกิดอาการตาไม่เท่ากันได้
เนื่องจากอาการดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ในการยกเปลือกตา ได้มีการหลุดจากตำแหน่งที่ควรทำการเกาะอยู่ จึงส่งผลให้ออกแรงยกเปลือกตาได้ลดลงนั่นเอง ทางที่ดีหากไม่ต้องการมีชั้นตาที่ไม่เท่ากันก็ควรงด สัมผัส หรือโดนเปลือกตา
โดยปกติแล้ว หากเป็นกรณีชั้นตาสองข้างไม่เท่ากันแบบนี้ แพทย์มักแนะนำให้ทำร่วมกับเทคนิคการดึงกล้ามเนื้อตา เนื่องจากจะทำให้ตาสองข้างดูมีความสมดุล และปรับให้มีดวงตาที่ดูเท่ากันได้
หนังตาตกคือภาวะกล้ามเนื้อตาไม่สมบูรณ์ อาจมีการผิดปกติบางอย่าง สามารถเป็นได้ทั้งจากพันธุกรรม และจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้หนังตาที่อยู่ตามปกติได้ถูกยืด หรือดึงออก หรือกล้ามเนื้อเปลือกตาตามปกติ เคลื่อนหรือหลุดจากตำแหน่งที่เคยเกาะเดิม ในบางทีอาจเกิดจากกรณีกล้ามเนื้อตาฉีกขาดรวมไปจนถึงเส้นประสาทตาผิดปกติ หรืออาจเกิดอาการผิดปกติอื่นๆ บริเวณตาร่วมด้วยได้ เช่นเนื้องอกที่ในบางทีเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วอาจส่งผลกระทบในการยื่น หรือดึงรั้งเปลือกตา ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้วหนังตาดังกล่าวจะตกลงมา และปิดทับหนังตาทำให้ตาสองชั้นที่มีนั้นมองไม่เห็น หรือหลบใน
โดยปกติแล้ว หากเป็นกรณีแพทย์แนะนำให้ทำร่วมกับเทคนิคกรีดยาว และตัดหนังตาร่วม เพื่อให้หนังตาที่ตกและหย่อนลงมามีขนาดที่เล็กลง
ผู้ที่มีอาการแบบนี้ คือ ลักษณะตาที่กล้ามเนื้อ บริเวณเปลือกตามีอาการยึด โดยอาจเกิดจากกล้ามเนื้อตาไม่แข็งแรง จึงส่งผลให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ และส่งผลให้ทำการพยุงเปลือกตาของเราไม่ไหว จึงทำให้ผู้ที่มีอาการนี้ นั้นเหมือนคนที่ดูยังตื่นไม่เต็มที่ ดูง่วงนอน ตาปรือ ซึ่งเมื่อมีอาการเช่นนี้ในบางคนจะสูญเสียความมั่นใจเนื่องจากทำให้ดูเสียบุคลิกภาพไปด้วย
การศัลยกรรมตา 2 ชั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะอันได้แก่
1. เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น (Small incision blepharoplasty)
2. เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว (Long incision blepharoplasty)
3.เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบเย็บ 3 จุด (Suture Technique)
1.เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น (Small incision blepharoplasty)
เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น จะเป็นเทคนิคการทำตาที่มีเล็กเพียงขนาดเล็กเท่านั้น โดยแพทย์จะทำการผ่าตัด และเปิดแผลให้มีเพียงแค่ขนาดเพียงเล็ก ประมาณ 5 มิลลิเมตรถึง 1 เซนติเมตรเท่านั้น เพื่อผ่าตัดเอาไขมันบนเปลือกตาออก ด้วยการผ่าตัดในขนาดเล็ก จึงทำให้ไม่สามารถเอาไขมันบริเวณใต้เปลือกตาออกได้หมด แต่จะเอาออกได้เพียงบางส่วน จึงทำให้วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบนเปลือกตาเยอะ หนังตาหย่อนคล้อยมาก และเปลือกตาเยอะมาก โดยวิธีนี้จัดเป็นวิธีการทำตาที่ทำการพักฟื้นในระยะเวลาที่สั้น เจ็บน้อย และบวมน้อย
ข้อดีขอเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น คือ
1.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือมีแผลในขนาดที่แผลเล็ก
2.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือใต้ตาที่ดูเป็นธรรมชาติ
3.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือแผลหายไว
4.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือมองไม่เห็นรอยพับตา
5.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือใช้เวลาพักฟื้นน้อย
6.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือใช้เวลาในการผ่าตัดน้อย
7.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือรบกวนเนื้อเยื่อเปลือกตาน้อยจึงทำให้บวมน้อย
ข้อเสียขอเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น คือ
1.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาเยอะ
2.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันเปลือกตามาก
3.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้นคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
2.เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว (Long incision blepharoplasty)
การทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว เป็นการทำศัลยกรรมตาสองชั้นที่จะมีแผล ที่ยาวกว่าทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดสั้น แต่จะสามารถใช้แก้ปัญหาได้หลากหลายกว่า เนื่องจากการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวจะทำการเปิดแผลเป็นแนวยาวตั้งแต่หัวตาไปจนถึงหางตาความยาวโดยประมาณ 2.5 เซนติเมตร จึงทำให้ใช้แก้ปัญหาได้หลายจุดทั้งผ่าตัดแก้ทรงตา ผ่าตัดไขมันเปลือกตา และแก้ไขกล้ามเนื้อตาเป็นต้น แต่เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวนั้น จำเป็นจะต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ในการรักษาเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องอาศัยความประณีตในการเย็บแผล เผื่อให้แผลหลังจากการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวไปแล้ว มีความเรียบเรียวสวย ไม่เป็นรอยและให้ได้ดวงตาสวย กลมโต สมความต้องการ
ข้อดีเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว
1.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือมีความแม่นยำสูง
2.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือสามารถใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับเปลือกตาได้หลากหลาย
3.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือได้ดวงตาที่สวยชัดเจน
4.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือแก้หางตาตกได้
5.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือช่วยยกตาได้
6.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือปรับให้ตามีลักษณะตามที่เราต้องการได้
7.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือแก้ปัญหาขนตาทิ่มได้
8.ข้อดีของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาวคือสามารถตกแต่งหนังตาให้สวยได้ตั้งแต่หัวตายันหางตา
ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว คือ
1.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว คือ ใช้เวลาพักฟื้นนาน
2.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว คือ หากทำโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญอาจจะเห็นรอยแผลเป็นชัด
3.ข้อเสียของเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบกรีดยาว คือ หากดูแลหลังการทำไม่ดีพออาจเป็นคีลอยด์ได้
3.เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบเย็บ 3 จุด (Suture Technique)
เทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้นแบบเย็บ 3 จุด เป็นเทคนิคการทำศัลยกรรมตาสองชั้น แบบที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่ต้องกรีดแผล แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการเย็บเปลือกตาเป็น 3 โดยก่อนเย็บแพทย์จะทำการเจาะเปลือกตาให้เป็นรูก่อน เทคนิคนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาตาไม่ได้มาก ต้องการเพียงแค่ทำศัลยกรรมตาสองชั้น ไขมันตาไม่หนา หรือเปลือกตาบางและไม่สามารถทำร่วมกับการแก้ไขอื่นๆ ได้ แต่การทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยวิธีนี้จะมีความเสี่ยงในเรื่องของแผลที่ทำการเย็บ 3 จุดจะหลุดง่าย อันเกิดขึ้นจากการดูแลของผู้รับบริการ
ข้อดีของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด
1.ข้อดีของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ ไม่มีรอยแผล
2.ข้อดีของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ ไม่ต้องผ่าตัด
3.ข้อดีของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสียของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด
1.ข้อเสียของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ อาจจะหลุดได้ง่าย
2.ข้อเสียของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ ทำชั้นตาได้ใหญ่ไม่มาก
3.ข้อเสียของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด เอาไขมันออกได้น้อย
4.ข้อเสียของการทำศัลยกรรมตาสองชั้นด้วยเทคนิคการเย็บ 3 จุด คือ ตาสองชั้นจะค่อยๆ เลื่อนลง
ทำศัลยกรรมตาสองชั้นทรงไหนดี ?
การดูแลหลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้น
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรทำการระคบเย็นเป็นเวลา 3 วันหลังทำ ในบริเวณหน้าผาก เปลือกตา และใต้ตาทั้งสองด้าน ยิ่งประคบบ่อนเท่าไรยิ่งส่งผลดีในเรื่องการยุบบวมเท่านั้น
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรอยู่ในสภาพบรรยากาศที่ดี มีอากาศถ่ายเท เพื่อให้หลังจากการผ่าตัดทำการสมานตัวได้ดี
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดการรับประทานอาหารที่มีความแสลง เช่น ของหมักดอง อาหารทะเล รวมทั้งอาหารรสจัด ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงประมาณ 3-5 วัน เพื่อให้แผลได้ลดอาการบวม
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรหากมีอาการคันไม่ต้องกังวลเนื่องจากอาการดังกล่าวจะหายเมื่อทำการตัดไหมออกแล้ว
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรทำความสะอาดแผลที่ทำการผ่าตัดด้วยน้ำเกลือ เช้าเย็น รวมทั้งการทายาตามแพทย์สั่ง
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรอดทนต่ออาการคัน หรือรำคาญที่เกิดจากแผล ไม่ควรแกะ หรือเกาแผล
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรรับประทานยาฆ่าเชื้อที่แพทย์จ่ายมาจนครบ
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดล้างหน้าและแต่งหน้า เป็นเวลา 7 วัน หรือตามแพทย์สั่ง
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นไม่ควรทาแป้งโดยเด็ดขาด
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดใช้สายตามากๆ เช่นการเล่นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือดูโทรทัศน์
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดการใช้เครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตา
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดการใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าแผลจะหาย
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรงดการออกกำลังกายหนักเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ ไม่ให้เหงื่อโดนแผล และระวังไม่ให้เกิดความมันบริเวณที่ทำการผ่าตัดทำศัลยกรรม
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้นควรสวมแว่น หรือแว่นกันแดด เพื่อป้องกันแผลที่ทำการผ่าตัดโดนฝุ่นละออง
- หลังการทำศัลยกรรมตาสองชั้น ควรดูแลรักษาแผลให้ดี โดยการปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้แผลที่ทำการผ่าตัดเป็นคีลอยด์
www.upfacecenter.com
ขั้นตอนการผ่าตัดทำศัลยกรรมตาสองชั้น
อาการหลังจากทำศัลยกรรมตาสองชั้น
1.หลังทำศัลยกรรมตาสองชั้นตาจะค่อยๆ เริ่มยุบบวม 50-60% ในช่วง 2 สัปดาห์หลังทำการศัลยกรรมทำตา และจะค่อยๆ ยุบลงทั้งหมดในเวลาประมาณ 3 เดือน
2. การทำศัลยกรรมตาสองชั้น โดยปกติแล้วตาทั้งสองข้างอาจจะยุบบวมช้าเร็วไม่เท่ากัน
3. ชั้นตาที่ได้ผ่าตัดทำศัลยกรรมตาสองชั้นไป จะเริ่มชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างที่สุดใช้เวลา 1-2 เดือน ดังนั้น ในระหว่างนี้หากส่องกระจก แล้วเห็นชั้นตาที่ไม่เท่ากันจึงไม่ต้องกังวล
www.upfacecenter.com
UpFace AI Clinic
การทำศัลยกรรมนับเป็นหนึ่งสิ่งที่คนในสมัยนี้เปิดกว้างมากขึ้นหลายๆ คนจึงอยากทำเพื่อทำการแก้ไขปัญหาบนใบหน้าให้สวยสมส่วน ถึงแม่คลินิกเสริมความงามในท้องตลาด จะเปิดมากขึ้น ตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากเพียงใด ก็ไม่ได้มีการการันตีว่าทุกคลินิกที่เปิดจะเป็นคลินิกที่ดี ได้รับมาตรฐานสะอาด หรือทำการผ่าตัดศัลยกรรมแล้วจะปลอดภัย ดังนั้นควรเลือกสถานที่เข้ารับบริการให้ดี โดยการหาข้อมูลเปรียบเทียบหลายๆ ที่เพื่อให้การทำศัลยกรรมส่งผลที่ดีที่สุด และได้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นที่น่าพึงพอใจที่สุด